คำสาปของยารา

คำสาปของยารา

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ติดกับแม่น้ำสายใหญ่ ซึ่งไหลผ่านป่าดงดิบอันอุดมสมบูรณ์ มีชายหนุ่มผู้หนึ่งนามว่า อลอนโซ

อลอนโซหลงรักเมืองนี้มาก เขาตกหลุมรักธรรมชาติเขียวขจีที่มีนกแก้วโฉบผ่านแมกไม้ นกฮัมมิงเบิร์ดโผบินเหนือดงดอกไม้อันสดใส และตกหลุมรักหญิงสาวผู้อ่อนโยนนามว่า จูเลีย

อลอนโซกับจูเลียกำลังจะแต่งงานกัน

ทุกวันหลังเลิกงานอลอนโซจะไปหาจูเลีย ทั้งสองชอบนั่งพูดคุยกันใต้แสงดาวในยามค่ำคืน หากคืนใดที่อากาศอบอุ่นหน่อย อลอนโซจะแวะไปอาบน้ำที่สระกลางป่าก่อน

กระทั่งคืนหนึ่งที่ทั้งสองได้พบกัน อลอนโซก็เล่าเรื่องเสียงร้องเพลงปริศนาที่เขาได้ยินตอนกำลังอาบน้ำในสระให้จูเลียฟัง

“เสียงนั้นไพเราะยิ่งกว่าเสียงไนติงเกลเสียอีก” อลอนโซว่า “แต่ข้าฟังไม่ออกว่ามันร้องว่าอะไร ในคราแรกเสียงมันมาจากที่หนึ่ง แล้วจู่ ๆ มันก็เปลี่ยนไปอีกที่หนึ่ง ทีแรกข้าคิดว่าคงมีคนมาเล่นตลก แต่พอลองไปสำรวจดูกลับไม่พบผู้ใด”

ได้ยินดังนั้นจูเลียก็ตกใจมาก ความกลัวประเดประดังโถมเข้ามาเต็มอก เพราะเธอเคยได้ยินนิทานเรื่องคำสาปของยาราผู้น่ากลัว

ยาราเป็นวิญญาณหญิงสาวผู้ชั่วร้ายในป่า นางจะออกมาล่อลวงชายหนุ่มที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ให้หายตัวไปก่อนวันแต่งงาน

จูเลียจับมืออลอนโซไว้แน่น และขอร้องไม่ให้เขาไปอาบน้ำที่สระกลางป่าอีก

 “เจ้าไม่ต้องห่วงนะ” อลอนโซกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าอาบน้ำในสระนั้นมาหลายเดือนแล้ว ยังไม่เคยมีสิ่งใดมาทำอันตรายข้าได้เลย”

แต่จูเลียส่ายหน้ารัว “เมื่อท่านได้ยินบทเพลงนั้นครั้งหนึ่งแล้ว วิญญาณร้ายจะตามติดท่านไปทุกที่” เธอเตือนเขาด้วยความห่วงใย “แล้วหลังจากนั้น… นางก็จะพรากชีวิตท่านไป!”

อลอนโซตื่นตระหนกที่เห็นจูเลียสั่นกลัวขนาดนี้

“สัญญากับข้านะว่าท่านจะไม่กลับไปที่นั่นอีก จนกว่าเราจะแต่งงานกัน” เธอขอร้อง “หลังจากงานแต่งงาน คำสาปร้ายจึงจะมลายสิ้น ข้ามั่นใจมากว่าเสียงที่ท่านได้ยินนั้นต้องเป็นเสียงของยาราแน่”

พออลอนโซได้ยินชื่อยาราจากนิทานเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ผิดกับจูเลียที่เชื่อสนิทใจว่านั่นต้องเป็นวิญญาณร้ายจากในนิทานที่ชาวบ้านเชื่อถือกันอย่างแน่นอน เธอทรุดลงกับพื้นนั่งร้องไห้

เมื่อได้เห็นคนรักทุกข์ใจ อลอนโซก็เริ่มรู้สึกตัว “อย่าร้องไห้ไปเลยนะนางฟ้าของข้า” เขาพูดพลางประคองเธอลุกขึ้นมาช้า ๆ “ข้าสัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้เจ้ามีความสุข”

จูเลียขอบคุณเขา แต่ก็ยังรู้สึกหนักใจอยู่ดี แม้อลอนโซจะสัญญาว่าจะไม่ไปที่สระน้ำแล้ว แต่เธอก็รู้ว่าเพลงที่ยาราร้องนั้นสามารถกล่อมให้ชายหนุ่มลืมสติ ตกอยู่ในภวังค์ได้ จูเลียจึงกลับเข้าไปในบ้าน แล้วออกมาพร้อมเปลือกหอยอันสวยงาม ที่เธอเก็บไว้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

จูเลียร้องเพลงเบา ๆ ใส่เปลือกหอย แล้วมอบมันให้อลอนโซ

“เมื่อใดก็ตามที่ท่านได้ยินเสียงของยารา ให้เอาเปลือกหอยนี้ครอบหูแล้วฟังเพลงที่ข้าร้องแทนนะ ก็ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยเตือนสติของท่านให้ระลึกถึงข้าได้”

หลังจากวันนั้นก็ผ่านไปแล้วกว่าสามคืนที่อลอนโซทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับจูเลีย ไม่ใช่เพราะเขาเชื่อในนิทานที่เล่าว่ายาราจะล่อลวงชายหนุ่มที่กำลังจะแต่งงานไปหาความตาย แต่เพราะเขารู้ว่ามันจะทำให้จูเลียร้องไห้ หากเธอรู้ว่าเขาไปที่สระกลางป่า

หากแต่ แม้จะพยายามหลีกเลี่ยงมากเท่าใด เสียงปริศนานั้นก็ยังตามหลอกหลอนอลอนโซอยู่ทุกคืน มันทรงพลังจนเข้ามาถึงในจิตใจของเขา แทรกแซงสติจนในที่สุดอลอนโซก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป

ในคืนนั้นเอง อลอนโซก็มุ่งตรงไปยังสระน้ำกลางป่า เขาหลงลืมจูเลียไปจนสิ้น ขณะเดินผ่านสุมทุมพุ่มไม้ลึกเข้าไปเรื่อย ๆ

เมื่อไปถึงสระน้ำ อลอนโซก็เปลื้องผ้า แล้วกระโดดพุ่งลงไปในสระเย็นยะเยือก ทันใดนั้นดวงจันทร์ก็โผล่พ้นเหลี่ยมเมฆ แสงนวลทอสว่างอาบร่างหญิงสาวผู้งดงามที่ยืนอยู่ท่ามกลางหมู่ต้นเฟิร์น ผมเธอยาวสยายเป็นประกายราวกับสายน้ำสีเข้ม

ชั่วพริบตานั้นอลอนโซก็ได้สติ เขารีบตะกายขึ้นจากสระ คว้าเสื้อผ้าตัวเองได้ก็วิ่งจี๋ออกมาจากที่นั่นโดยเร็ว สองขาไม่หยุดวิ่งเลยจนกระทั่งถึงบ้าน

เช้าวันรุ่งขึ้น อลอนโซบอกตัวเองว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน หากแต่ภาพที่ติดตาก็ทำให้จิตใจไม่สงบไปตลอดวัน เมื่อมาหาจูเลียในตอนเย็น เธอก็สังเกตเห็นว่าเขาหน้าซีดและเงียบจนผิดปกติ

“ไม่ต้องกังวลหรอกที่รัก ข้าเพียงปวดหัวจากอากาศร้อนเท่านั้น” เขาบอกจูเลีย แต่หลังจากออกจากบ้านจูเลีย อลอนโซกลับไม่ได้กลับบ้านเพื่อไปพัก แต่เขามุ่งหน้าเข้าป่า เนื่องจากไม่สามารถเอาชนะกิเลสที่อยากไปหายาราได้

เมื่อไปถึงสระ อลอนโซก็เฝ้ามองหายาราผู้นั้น แต่ก็หาเธอไม่พบ เขายืนพิงต้นไม้อยู่เป็นนาน รอแล้วรอเล่า สายตาจ้องมองไปยังผืนน้ำอันมืดมิด เวลาผ่านไปจนเขาเริ่มง่วงงุน แขนขาหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ

ในตอนนั้นเองก็พลันเห็นแสงสลัว ๆ ค่อย ๆ ลอยเลื่อนขึ้นมาจากก้นบึ้งของสระ ยิ่งใกล้ถึงผิวน้ำมากเท่าใด แสงนั้นก็ยิ่งสว่างไสวขึ้นเท่านั้น ก่อนผิวน้ำจะแยกออก หญิงสาวที่อลอนโซรอคอยมาเนิ่นนานก็ปรากฏตัว

เส้นผมเธอยาวสยายพันกับสาหร่าย ร่างกายซีดขาวไร้สีเสือด อลอนโซพยายามขยับตัวแต่ร่างกายที่หนักอึ้งกลับไม่สามารถเขยื้อนได้ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ เท้าของเขาเริ่มถูกดึงไปยังขอบสระ

ยาราเอื้อมแขนออกมาหาแล้วเริ่มบรรเลงบทเพลงหวาน บทเพลงนั้นดึงดูดเขาเข้าไปใกล้เธอขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับสติที่ถดถอยลง จนไม่มีความคิดใดหลงเหลืออยู่ในหัวชายหนุ่มอีกเลย

อลอนโซเดินไปข้างหน้า คอตกเหมือนคนละเมอ ทันใดนั้นมือที่ตกอยู่ข้างลำตัวก็ปัดป่ายไปโดนเปลือกหอยที่จูเลียมอบให้ในกระเป๋ากางเกง ในตอนเดียวกับที่เท้าเปล่าเปลือยสัมผัสกับผิวน้ำเย็นเยียบซึ่งช่วยดึงสติเขากลับมาได้อย่างทันท่วงที

เมื่อหลุดจากภวังค์ อลอนโซก็รีบหยิบเปลือกหอยออกมาครอบใบหู เขาได้ยินเสียงลมอู้อี้ก่อนเสียงนั้นจะฟังคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นเสียงเพลงแผ่วเบาของจูเลีย

เสียงนั้นเบามาก แต่เมื่อผ่านไปสักพักเสียงเพลงก็เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความรักอันทรงพลัง จนเสียงของจูเลียดังกึกก้องไปทั่วผืนป่า ขับไล่ความชั่วร้ายให้สลายหายไป

อลอนโซพลันตื่นจากภวังค์ เมื่อมองดูรอบตัวก็พบว่าเขาอยู่เพียงลำพังที่สระกลางป่าแห่งนั้น และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้พบวิญญาณร้ายของยาราอีกเลยตลอดกาล    

เรื่อง : A World Full Of Spooky Stories : 50 Tales To Make Your Spine Tingle(South America / A Story From Brazil : The Story Of The Yara)

แปลโดย : Nalinphas J.

เรียบเรียงเนื้อหา : มาลินทร์ (Malyn)

Loading

ผู้เขียน

  • Malyn

    แม่มดฝึกหัดตัวน้อย ผู้หลงใหลในเรื่องลึกลับสุดหัวใจ

    View all posts