กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในยุคอียิปต์โบราณ
มีพระราชาพระองค์หนึ่งนามว่าแรมซิไนต์ พระองค์เป็นพระราชาขี้โมโห แต่ก็ร่ำรวยสุด ๆ
ร่ำรวยชนิดที่ว่ามีเงินทองกองเป็นภูเขาเลากา สูงเสียดฝ้าเพดานของท้องพระคลังอันโอ่อ่า จนทั้งห้องรับทรัพย์สมบัติมหาศาลไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
ประตูท้องพระคลังพัง ครืนนน สมบัติมหาศาลไหลทะลักออกมาจนกองพะเนินเต็มพื้นปราสาทเงาวับ
เมื่อทอดพระเนตรเห็นดังนั้น พระราชาก็กริ้วจัดพลางรับสั่งว่า
“ห้ามใครยุ่งกับสมบัติของข้า! ไปเรียกวิศวกรมาเดี๋ยวนี้ ข้าต้องการท้องพระคลังแห่งใหม่ไว้เก็บสมบัติของข้า!”
และแล้วท้องพระคลังแห่งใหม่ก็ได้เริ่มต้นสร้างขึ้น หากแต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็บังเกิด เมื่อในระหว่างการสร้าง วิศวกรผู้สร้างกลับพ่ายแพ้ให้กับกิเลสที่ชักนำให้เขาอยากขโมยสมบัติของพระราชา
เขาจึงแอบทำทางเข้าลับไว้ในห้องปิดตาย แล้ววางหินก้อนหนึ่งบังประตูนั้นไว้โดยไม่มีใครอื่นล่วงรู้
เวลาผ่านพ้นจนท้องพระคลังแห่งใหม่เสร็จสมบูรณ์ สมบัติถูกเหล่าผู้รับใช้ช่วยกันลำเลียงเข้ามาเก็บรักษาภายใน โดยมีทหารรักษาการณ์คอยเฝ้ายามรอบนอกตลอดเวลาอย่างแน่นหนา
ขณะที่หลังจากนั้นไม่นาน วิศวกรผู้สร้างท้องพระคลังกลับล้มป่วย เมื่อรู้ว่าตนเองจะอยู่ได้อีกไม่นาน เขาจึงบอกเรื่องประตูลับเพื่อเข้าท้องพระคลังมหาสมบัติของพระราชาให้ลูกชายทั้งสองได้รู้
หลังจากพ่อของหนุ่มน้อยทั้งสองสิ้นใจ ในคืนหนึ่ง พวกเขาจึงตัดสินใจจะลอบเข้าไปในท้องพระคลังมหาสมบัติของพระราชา
ทั้งคู่ค้นหาก้อนหินที่ปิดหน้าประตูลับตามที่พ่อบอกจนพบ เมื่อนำหินออกและปีนเข้าไปด้านใน พวกเขาก็พบกับกองสมบัติมหาศาลละลานเสียจนตาพร่า
พวกเขารีบหอบเงินทองใส่ถุงจนเต็ม แล้วรีบออกมาจากช่องทางเดิม ตรงกลับบ้านทันที
ในทุก ๆ คืน พวกเขาจะวนเวียนมาขโมยสมบัติของพระราชาจากท้องพระคลังแห่งนี้ จากน้อย ๆ ก็เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นที่ผิดสังเกตขึ้นมาในวันหนึ่ง
เมื่อพระราชาแรมซิไนต์พบว่าสมบัติบางส่วนหายไปก็กริ้วจัดกว่าครั้งไหน ๆ ทั้งยังไม่มีใครอธิบายได้ด้วยว่า สมบัติในท้องพระคลังที่ถูกปิดตาย และมีการป้องกันรอบนอกอย่างแน่นหนานั้นหายไปได้อย่างไร
พระองค์จึงรับสั่งให้องครักษ์แอบทำกับดักซ่อนไว้ภายในท้องพระคลังเพื่อจับโจร
และในคืนนั้น สองพี่น้องจอมโจรก็กลับมา…
เมื่อโจรผู้พี่ได้ปีนเข้ามาในช่องลับคนแรกและมุดออกสู่ท้องพระคลัง เขาก็ติดกับดักทันที!
เขาตกใจมาก แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถหนีออกจากพันธนาการของกับดักนี้ได้ เขาจึงพูดกับน้องชายว่า
“เมื่อพวกทหารมาเขาจะจำข้าได้ทันที และเดาได้ว่าเจ้าก็คงมาที่นี่ด้วย เราจะโดนฆ่าตายกันทั้งคู่ ฉะนั้น รีบตัดหัวข้าเถิด จะได้ไม่มีใครรู้ว่าข้าเป็นใคร อย่างน้อยเจ้าจะได้ปลอดภัย”
ทั้งสองเสียใจมาก และด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง น้องชายจึงจำต้องทำตามที่พี่ชายบอก เขาตัดสินใจตัดหัวของพี่ชายจนหลุดจากบ่า จากนั้นก็รีบนำหัวของพี่ชายกลับบ้านมาโดยเร็วที่สุด
เช้าวันรุ่งขึ้น พระราชาตกใจมากที่พบศพไร้หัวติดอยู่ในกับดักของพระองค์โดยไม่มีใครสามารถอธิบายได้อีกเช่นเคย
พระองค์กริ้วจัดกว่าเมื่อวานหลายเท่า จึงรับสั่งให้ทหารนำร่างไร้หัวไปแขวนประจานที่กำแพงพระราชวัง และรอดูว่าใครจะมานำศพกลับไป
แม่ของหนุ่มน้อยทั้งสองเสียใจมาก นางกล่าวกับลูกชายว่า
“เจ้าต้องไปเอาศพพี่ชายเจ้ากลับมาฝังนะ ไม่อย่างนั้นเขาจะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่บนโลกนี้ตลอดไป”
โจรผู้น้องได้ยินดังนั้นก็ตอบตกลง
ในวันนั้นเอง เขาได้ขนถังใส่ไวน์ขึ้นหลังลา และพามันเดินลัดเลาะอยู่ริมกำแพงพระราชวัง
ไม่ทันไรก็แกล้งทำถังใส่ไวน์ร่วง ไวน์บางส่วนหกกระจายไปทั่วพื้น
“โอ้ไม่นะ! ไวน์ของข้าหกหมดแล้ว” เขาตะโกนลั่น เหล่าทหารได้ยินเสียงก็รีบกรูเข้ามาหาทันที
ขณะที่เหล่าทหารเต็มใจช่วยขนถังไวน์ที่เหลือขึ้นหลังลา โจรผู้น้องก็ใจดีแบ่งไวน์บางส่วนให้เป็นการตอบแทน
เหล่าทหารอดใจไม่ไหวก็พากันชิมไวน์กันทีละจิบ ๆ พอหลายจิบเข้าก็เริ่มกลายเป็นทีละอึก ๆ
ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเมามายฟุบหลับไปเสียอย่างนั้น ท่ามกลางแสงตะวันเฉิดฉาย
พอเห็นเหล่าทหารกล้าเมาหลับไปแล้ว โจรผู้น้องก็รีบฉวยโอกาสนำร่างพี่ชายลงจากกำแพงพระราชวังมาไว้บนหลังลา แล้วพากลับบ้านคืน
นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งแล้วที่พระราชาแรมซิไนต์พบว่าตนเองตกหลุมพรางของเจ้าโจรผู้นี้ พระองค์กริ้วจนหน้าดำหน้าแดง แต่ยังคงมุ่งมั่นจะจับโจรให้ได้
ครานี้พระองค์จึงวางแผนการกับเจ้าหญิง พระองค์ให้พระธิดาไปยืนอยู่เหนือระเบียงทองของพระราชวัง พร้อมให้นางป่าวประกาศว่า
“ข้าจะแต่งงานกับชายที่ฉลาดและชั่วร้ายที่สุดในอาณาจักร”
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปจนเข้าหูโจรผู้น้อง เขาก็สงสัยว่าเรื่องนี้มีลับลมคมในเป็นแน่ แต่ถึงอย่างนั้นในคืนหนึ่ง เขาก็ได้ลอบปีนขึ้นมาหาพระนางถึงบนระเบียงทองคำ
เมื่อได้พบเจ้าหญิง เขาก็เริ่มโม้ว่า
“สิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดที่ข้าเคยกระทำคือ ตัดหัวของพี่ชายออกจากบ่า และสิ่งที่ฉลาดที่สุดที่ข้าเคยกระทำคือ ขโมยร่างพี่ชายจากกำแพงพระราชวังของพระราชา”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจ้าหญิงจึงตะโกนเรียกองครักษ์พร้อมกับจับแขนของจอมโจรไว้ แต่เขาซึ่งไหวตัวทันได้แอบนำแขนของพี่ชายมาใส่ไว้ในเสื้อคลุมแทน เมื่อเจ้าหญิงจับแขน แขนนั้นจึงเป็นเพียงแขนศพแทนที่จะเป็นแขนจริง ๆ ของเขา
โจรผู้น้องปล่อยให้เจ้าหญิงถือแขนของพี่ชายเขาไว้ ส่วนตนเองนั้นวิ่งหนีหายไปเรียบร้อยแล้ว
และนี่เป็นอีกครั้งที่พระราชาแรมซิไนต์ถูกจอมโจรผู้นี้หลอกลวงครั้งแล้วครั้งเล่า
หากแต่ในครานี้ แทนที่จะกริ้วหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างที่เคย พระองค์กลับทรงยืนหัวเราะเสียงดังลั่น และเข้าพระทัยได้แล้วว่า จอมโจรผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์เกินกว่าจะพาตัวเขามาลงโทษได้ พระองค์จึงประกาศว่า
“เจ้าโจรผู้นี้ ข้าจะยอมอภัยโทษให้ ด้วยเหตุที่เขาฉลาดเกินกว่าพวกเราทุกคน ข้าจะให้เขาเป็นเจ้าชายของข้า เขาจะได้ไม่ต้องขโมยสมบัติจากคลังของข้าอีกต่อไป!”
เรื่อง : A World Full Of Spooky Stories : 50 Tales To Make Your Spine Tingle (Asia & Africa / A Story From Egypt : The Treasure Thief)
แปลโดย : Nalinphas J.
เรียบเรียงเนื้อหา : มาลินทร์ (Malyn)