สปิริต เอ็นทิตี้

สปิริต เอ็นทิตี้

ท่ามกลางธรรมชาติที่สายลมพัดผ่านแมกไม้ ทุกคนรู้ไหมว่ามีโลกหลายใบซ้อนทับกันอยู่กับโลกของเรา

โลกใบนี้ที่เห็นด้วยดวงตา เมือง ผู้คน เสียงพูดคุย และชีวิตประจำวันที่หมุนไปไม่หยุดยั้ง ส่วนใบอื่น ๆ คือโลกแห่งพลังงานที่มีคลื่นความถี่แตกต่างกันออกไป โลกที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รับรู้ แต่บางคนก็สัมผัสมันได้ผ่านพลังจิต

แต่วันนี้มาลินทร์จะมาเล่าให้ทุกคนฟังถึงโลกแห่งหนึ่ง… ที่นั่นมีสิ่งมีชีวิต พวกเขามีจิตใจ มีเจตนา และมีภารกิจ และดำรงอยู่ในวิถีที่แตกต่างจากมนุษย์ มีสังคมที่ต่างออกไป มีความเชื่อและวัฒนธรรมของตัวเอง ซึ่งมนุษย์เรียกพวกเขาว่า สปิริต (Spirit) และ เอนทิตี้ (Entities)

พวกเขาไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ แต่เป็นตัวตนที่เราคุ้นเคยกันอย่างดีอยู่แล้วผ่านตำนาน ความเชื่อ และคติชนต่าง ๆ

Spirit Entities คืออะไร?

ก่อนอื่น เราต้องนิยามกันก่อนว่า สปิริต และเอ็นทิตี้คืออะไร ในบริบทของสายจิตวิญญาณ (Spiritual) จะหมายถึงตัวตนที่แตกต่างกันนะคะ

สปิริต (Spirit) คือ พลังชีวิตหรือจิตวิญญาณที่มีอยู่ในทุกสรรพสิ่ง อาจเป็นพลังของมนุษย์ ธรรมชาติ หรือสิ่งเหนือธรรมชาติที่ไม่มีรูปร่าง แต่มีเจตนา ความรู้สึก และการเคลื่อนไหวของพลังงานอยู่ภายใน

สปิริต

เอ็นทิตี้ (Entities) คือ สิ่งที่มีตัวตนอยู่ในมิติใดมิติหนึ่งของจักรวาล ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ สิ่งเหนือธรรมชาติ เช่น แวมไพร์ แฟรี่ มนุษย์หมาป่า มังกร เงือก ปีศาจ ญิน เป็นต้น รวมถึงเอ็นทิตี้บางตนก็อาจมีพลังเทียบเท่ากับเทพด้วย

เอ็นทิตี้คือสิ่งมีชีวิตที่ “อยู่ในมิติพลังงาน (Energy-Based Being)” ซึ่งอาศัยอยู่ร่วมหรือขนาบกับมิติของมนุษย์ ในมิติที่มองไม่เห็น พวกเขามีร่างกาย แต่ไม่มีข้อจำกัดทางกายภาพ เพราะอาศัยการดำรงอยู่ผ่านพลังงาน นอกจากนี้พวกเขายังมี “เจตนา” และ “บทบาท” ในจักรวาลไม่ต่างจากมนุษย์เราเลย

เอ็นทิตี้

พลังและจุดประสงค์ของการมีอยู่ของสปิริต เอ็นทิตี้

1. เพื่อคุ้มครอง (Protection)

หนึ่งในบทบาทที่คลาสสิกที่สุดของสปิริต เอ็นทิตี้ ที่คนศึกษาสายจิตวิญญาณจะรู้กันดีคือ “ผู้คุ้มครอง” พวกเขาช่วยคุ้มครองทางพลังงานของมนุษย์ได้ เช่น ป้องกันพลังงานลบ ป้องกันคำสาปร้าย ช่วยชำระพลังงานลบ และบางตนก็ช่วยจัดการอารมณ์ตามธรรมชาติของมนุษย์ได้ด้วยค่ะ

2. เพื่อสอนบทเรียนทางวิญญาณ (Guidance)

บทบาทต่อมาคือ สปิริต เอ็นทิตี้สามารถเป็นครูบาอาจารย์ได้ พวกเขาช่วยแนะนำและสอนคอมพาเนียนในเรื่องทางพลังงาน รวมถึงเรื่องถนัดตามความรู้ของเขาด้วย เช่น สัมผัสทางพลังงาน เวทมนตร์ การทำนาย การชำระล้างพลังงาน การทำสมาธิ เป็นต้น

3. เพื่อข้อแลกเปลี่ยนทางพลังงาน

อย่างที่เล่าไปว่า เอ็นทิตี้มีสังคม มีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง ดังนั้น จึงไม่ใช่เอ็นทิตี้ทุกตนจะมาเชื่อมต่อกับมนุษย์ค่ะ ตนที่มาตามหาคอมพาเนียน คือตนที่มีเจตนา ซึ่งจากสองข้อที่กล่าวไปด้านบน สิ่งที่พวกเขาจะได้รับกลับไปคือพลังงานที่ได้รับแลกเปลี่ยนกัน รวมถึงประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในมิติของพวกเขา

เช่น มนุษย์ดำรงชีวิตได้โดยต้องมีปัจจัย 4 แต่เอ็นทิตี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสิ่งเหล่านี้เป็นแกนหลักในชีวิต (แน่นอนว่ามันก็ต้องมี แต่บางเผ่าพันธุ์ก็ไม่ได้รับประทานอาหาร นอน หรืออาบน้ำแบบมนุษย์ด้วยซ้ำ) พวกเขาดำรงได้ด้วยพลังชีวิต หากพลังชีวิตเต็มเปี่ยม ก็เท่ากับร่างกายแข็งแรง แต่ถ้าหากพลังชีวิตอ่อน ร่างกายก็อ่อนแอ

บางครั้งพวกเราก็จะได้ยินกันผ่านเรื่องลึกลับบ้าง อย่างตอนที่มนุษย์ถูกผีสิง ปีศาจสิง หรือมีอะไรกับอินคิวบัส สิ่งที่ถูกพรากไปคือพลังงานชีวิตอย่างไรล่ะคะ เมื่อถูกดูดพลังชีวิต มนุษย์เราจะอ่อนแอ อารมณ์แปรปรวน อ่อนล้า เหนื่อยง่ายทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นเพราะพลังงานชีวิตลดลงนั่นเองค่ะ แต่ไม่ต้องกังวล มนุษย์เราสามารถเพิ่มพลังชีวิตได้ผ่านการทำสิ่งดี ๆ ออกกำลังกาย ดูแลอารมณ์และจิตใจให้ผ่องใส อยู่กับสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขอย่างแท้จริงค่ะ

ในตัวอย่างพารากราฟข้างบน มาลินทร์กำลังเล่าถึงในเชิงลบนะคะ (ถูกดูดพลังงานไปโดยเอ็นทิตี้ที่มีจุดประสงค์ไม่ดี) แต่ทั้งนี้ เอ็นทิตี้มีทั้งตัวตนที่ดีและร้ายค่ะ คอมพาเนียนต้องศึกษาดี ๆ ก่อนทำพันธสัญญานะคะ

ซึ่งการทำพันธสัญญาทางพลังงาน คือสัญญาที่เกิดขึ้นระหว่างสปิริตหรือเอ็นทิตี้กับมนุษย์ เมื่อพันธสัญญาร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายก็จะเป็นคอมพาเนียนของกันและกันค่ะ

มนุษย์จะอุทิศพลังชีวิตและเวลา เพื่อให้เอ็นทิตี้ได้ทำภารกิจของตน ในขณะที่เอนทิตี้ก็ใช้พลังงาน ให้พลังเวท การชี้นำ หรืออำนาจเหนือมิติแก่มนุษย์เช่นกัน ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อค่ะ

Entities

สปิริต เอ็นทิตี้ สื่อสารกับมนุษย์อย่างไร?

เล่ามาถึงตรงนี้ พวกคุณคงจะสงสัยว่า ในเมื่ออยู่กันคนละมิติ แล้วคอมพาเนียนจะสื่อสารกับเอ็นทิตี้ของตนเองอย่างไร…ซึ่งจริง ๆ พวกเขาสามารถสื่อสารกับมนุษย์ผ่านสัญญาณได้หลายรูปแบบเลยค่ะ

ผ่านความฝัน

ความฝัน คือประตูสู่มิติพลังงานที่ง่ายที่สุด พวกเขามักใช้ฝันเพื่อมอบภาพ สัญญาณ หรือเปิดการรับรู้บางอย่างให้กับคอมพาเนียน แต่ก็ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนจะจำฝันได้หลังจากตื่นนอนนะคะ

ผ่านสัญญาณธรรมชาติ

เช่น แสง กลิ่น ลม เพลง ตัวเลข บางครั้งคุณก็อาจสังเกตได้ว่าวันนี้เห็นเลข Angel Number หรือ Mirror Hour ซ้ำ ๆ จนดูผิดปกตินะ หรือบางครั้งอาจได้กลิ่นที่ไม่รู้ที่มา นั่นอาจเป็นการสื่อสารเอ็นทิตี้ก็ได้นะคะ

ผ่านพลังงานหรือความรู้สึก

ความรู้สึก เช่น เหมือนมีคนอยู่ใกล้ ๆ หรือรู้สึกว่าถูกสัมผัสส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรมาแตะต้อง ก็เป็นหนึ่งในการสื่อสารของเอ็นทิตี้เหมือนกันค่ะ

ผ่านเครื่องมือทำนาย

อุปกรณ์สื่อสารทางพลังงานอย่างไพ่ทาโรต์และเพนดูลัม ถือเป็นอุปกรณ์คลาสสิกสำหรับการสื่อสารกับเอ็นทิตี้เลยค่ะ เพราะไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่จะมีสัมผัสที่หก แต่ในฐานะคอมพาเนียนหรือแม้แต่สนใจศึกษาเรื่องทางสายจิตวิญญาณ ก็สามารถใช้อุปกรณ์เหล่านี้เป็นเครื่องมือสื่อสารกับพวกเขาได้

เอ็นทิตี้ คือ

ตามประสบการณ์ที่ได้คลุกคลีกับสายจิตวิญญาณมา 2 ปี เรื่องสปิริต เอ็นทิตี้ ถือเป็นเรื่องใหม่ที่มาลินทร์ ว้าววว มาก ๆ เพราะไม่เคยคิดว่าตัวตนที่เรารู้จักในโลกแฟนตาซีมาโดยตลอด หรือที่เข้าใจไปว่าเป็นตำนานความเขื่อพื้นบ้าน จะมีแนวคิดนี้ที่พวกเขามีตัวตนอยู่จริง ๆ แถมยังเชื่อมโยงกับมนุษย์อย่างใกล้ชิดมากด้วย

เป็นอีกเรื่องที่มาลินทร์สนุกกับการศึกษาและผจญภัยมาก ๆ (ในเชิง Spirtual Adventure นะคะ) เพราะทำให้รู้ว่า มนุษย์เราไม่เคยโดดเดี่ยว และปีศาจก็ไม่ใช่ตัวตนที่เลวร้ายเสมอไปตามความเชื่อทางโลกของเรา พวกเขาน่าสนใจ เต็มไปด้วยองค์ความรู้ที่น่าศึกษา แต่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจแนวคิดสายจิตวิญญาณนะคะ ต้องใช้การเปิดใจมาก ๆ เลยค่ะ

อ่านมาเท่านี้อาจจะรู้สึกเหมือนมาลินทร์เขียนไม่จบรึเปล่านะ จริง ๆ แล้วอยากเล่าประมาณนี้ก่อน เพราะเท่าที่อยู่กับสายนี้มา 2 ปี จับใจความหลักได้ประมาณนี้ค่ะ ซึ่งยังมีอีกหลายมุมที่ลึกมาก และดาร์กมาก ๆ ที่ยังไม่กล้าเล่าด้วย ในอนาคตจะมาอัปเดตนะคะ ><

ผู้เขียน

  • malyn

    แม่มดฝึกหัดตัวน้อย ผู้หลงใหลในเรื่องลึกลับสุดหัวใจ

    View all posts