บูกี้แมน (Boogeyman, Bogeyman, Boogieman) คือปีศาจลึกลับในเงามืด ที่พร้อมจะกระโจนออกมาเขย่าขวัญเด็กดื้อเมื่อเขาปิดไฟนอน
เด็กที่เคยพบเห็นบูกี้แมนบอกว่ามันซ่อนตัวอยู่ในตู้ บ้างก็ว่ามันอยู่ใต้เตียง บ้างก็ว่ามันแทรกซึมร่างสีดำอยู่ตามมุมมืดของบ้าน ไปไหนมาไหนด้วยรูปเงาไร้ร่าง และจะมีพลังมากที่สุดในที่ที่แสงสว่างสาดไม่ถึง
เด็กดื้อคือเหยื่ออันโอชะของบูกี้แมน นักวิชาการบอกว่าเรื่องนี้เป็นเพียงนิทานหลอกเด็กเรื่องหนึ่งเท่านั้น แทบจะไม่มีที่มาที่ไปชัดเจนด้วยซ้ำ
แต่จงอย่าลืมว่าเด็กก็เหมือนผ้าขาวบาง ต่อให้เป็นเด็กดื้อที่โกหกเก่งที่สุดในโลก พวกเขาก็ไม่น่าจะโกหกเรื่องเงาดำลึกลับที่ปรากฏตัวข้างเตียงในตอนกลางคืน พร้อมกรงเล็บคมราวกับปีศาจ และรอยขีดข่วนที่ทิ้งไว้เป็นหลักฐานบนร่างน้อยเหมือนกันเกือบทั่วโลก
ไหนบอกซิเด็กน้อย… บูกี้แมนหน้าตาเป็นยังไง ?
มีบันทึกหลายแบบที่บอกเล่าเรื่องรูปร่างหน้าตาของบูกี้แมน ซึ่งก็แตกต่างกันไปตามท้องที่ วัฒนธรรมความเชื่อ และเวอร์ชันที่เล่า
-
เงาดำทะมึน
ว่ากันว่าบูกี้แมนมักปรากฏตัวเป็นเงาดำทะมึน ไม่มีรูปร่างชัดเจน เพราะมันกลมกลืนไปกับความมืดจนมองแทบไม่เห็น แต่บางคนก็กล่าวว่า ร่างดำทะมึนนั่นแหละคือ ความกลัว
-
มันเปลี่ยนร่างได้
บางตำนานกล่าวว่า ไม่มีใครเคยเห็นร่างที่แท้จริงของบูกี้แมน เพราะว่ามัน เปลี่ยนร่างได้ ! มันเป็นปีศาจที่มีอำนาจล่วงรู้ถึงสิ่งที่เหยื่อหวาดกลัวสุดใจหรือสิ่งที่เหยื่อกำลังจินตนาการถึง และมันจะกลายร่างเป็นสิ่งนั้น หลอกหลอนเหยื่อให้ทรมานอย่างเลือดเย็น
-
กรงเล็บปีศาจ
เด็ก ๆ หลายรายเล่าว่า ลักษณะเด่นของบูกี้แมนที่พวกเขาจำได้ติดตา คือมันมีมือที่มีกรงเล็บยาวเฟื้อยราวกับกรงเล็บปีศาจ
-
ลูกตาเรืองแสง
มีบันทึกจากเด็กที่เคยเห็นบูกี้แมนบอกว่า ดวงตาของมันเรืองแสงสุกสว่างท่ามกลางความมืดมิด และแสงนั้นก็ราวกับส่องทะลวงเห็นความกลัวทั้งหมดในชีวิตของเขา
เด็กดื้อ ต้องโดนบูกี้แมนหลอก !
มีแค่เด็กเท่านั้นเหรอ ที่จะได้เจอบูกี้แมน ?
แนวคิดนี้ค่อนข้างชัดเจนว่าเรื่องบูกี้แมนเป็นเพียงนิทานสอนใจ ที่มีจุดประสงค์เพื่อควบคุมพฤติกรรมเด็ก
ซึ่งนิทานสอนใจเกี่ยวกับเรื่องปีศาจแบบนี้ ชอบเล่นกับจินตนาการอันไร้เดียงสาของหนูน้อยทั้งหลาย
จิตใจที่พร้อมจะเชื่อในสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเหนือธรรมชาติ และความรู้สึกพิศวง โลกใบเล็กของพวกเขานั้นยังแยกความเป็นจริงกับจินตนาการไม่ออก
เมื่อเรื่องบูกี้แมนน่ากลัวจนมีอิทธิพลต่อสภาพจิตใจ สมองจึงสั่งให้เขาจินตนาการภาพของมันที่มาปรากฏตัวอยู่ข้างเตียง
เด็ก ๆ จึงได้เห็นในสิ่งที่พวกเขาเชื่อนั่นเอง
นิทานจากเงามืด… เรื่อง ‘บทเรียนเที่ยงคืนของบูกี้แมน’
กาลครั้งหนึ่งไม่นานนัก ณ ย่านชานเมืองแสนสงบสุข มีเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งชื่อ ‘ทิมมี่’ อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ กับครอบครัวอันอบอุ่น
ทิมมี่เป็นเด็กช่างจินตนาการ และสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว แต่ก็เหมือนกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันคนอื่น ๆ คือทิมมี่นั้น กลัวความมืดและบูกี้แมน…
เด็ก ๆ ในละแวกนั้นหวาดกลัวบูกี้แมนมาก และมีข่าวลือในหมู่เด็ก ๆ เรื่องการได้พบเจอบูกี้แมนที่แฝงตัวอยู่ในเงามืดใต้เตียงและในตู้เสื้อผ้า
มันจะเฝ้ารอช่วงเวลาที่เหมาะสม แล้วค่อย ๆ คืบคลานออกมาหลอกหลอนเด็ก ๆ ที่ยังไม่หลับหลังเที่ยงคืน
ในคืนนั้นแสงจันทร์สุกสว่างเรืองรอง ทิมมี่น้อยนอนอยู่ใต้ผ้านวมอุ่นหนาบนเตียงนุ่ม แต่ไม่ว่าบนเตียงจะนุ่มอุ่นเพียงไร ก็ไม่สามารถทำให้ดวงตาใสกระจ่างของเด็กน้อยหลับลงได้เลย
ทิมมี่ได้ยินเสียงกระซิบ…
เสียงนั้นนุ่มนวลแต่เย็นเยียบ ฟังดูน่าขนลุกแว่วดังมาจากมุมห้องมืดมิด
“ทิมมี่… ทำไมนายถึงกลัวฉันล่ะ…”
ทิมมี่ตัวสั่นเทิ้ม เค้นเสียงตอบกลับไป “คะ… คุณ คือใคร”
เงาร่างนั้นค่อย ๆ โผล่ออกมาจากเงามืด เผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตตัวสูงชะลูด ผอมบางจนหนังหุ้มกระดูก นิ้วยาวผอมแห้ง ดวงตาเปล่งแสงเหมือนดวงดาวที่อยู่ไกลโพ้น
ร่างนั้นเดินเข้ามาใกล้ ขณะทิมมี่ตัวแข็งค้างไปแล้ว ค่อย ๆ ยอบตัวนั่งลงที่ขอบเตียง
“ฉันคือบูกี้แมน สิ่งที่นายหวาดกลัวที่สุดอย่างไรล่ะ… แต่อย่ากลัวฉันไปเลย ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อหลอกหลอนนายอีกแล้ว”
ได้ยินดังนั้นทิมมี่ก็เกิดสงสัยขึ้นมา แม้ในใจเขาจะเต้นระส่ำไม่หยุด เขาถามบู้กี้แมนอย่างระมัดระวังว่า “แล้วคุณมาที่นี่ทำไมครับ”
บูกี้แมนถอนหายใจ เสียงนั้นฟังคล้ายสายลมอ่อนโชยพัดผ่านใบไม้
“ฉันใช้เวลานับราตรีแล้วราตรีเล่าเพื่อทำให้เด็ก ๆ หวาดกลัว แต่ฉันเบื่อเหลือเกิน คืนนี้ฉันจึงก้าวออกมา และอยากสอนสิ่งสำคัญให้กับนาย”
“สอนผมเหรอครับ” ทิมมี่ถามซ้ำ ความหวาดกลัวในใจเริ่มลดลงไปแล้ว
“ใช่” บูกี้แมนตอบ “ฉันจะบอกนายว่า ความกลัวไม่ใช่ศัตรูของนายหรอกนะ แต่มันคือส่วนหนึ่งของชีวิต ที่ทำให้นายเข้มแข็งขึ้น ระมัดระวังตัว และตระหนักรู้ นายไม่ควรให้มันควบคุมนาย นายต้องเผชิญหน้ากับความกลัวและเรียนรู้จากมัน”
ทิมมี่ตั้งใจฟัง แม้จะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง เพราะบางคำศัพท์ยากเกินไปหน่อยสำหรับเด็กน้อย
บูกี้แมนพูดต่อว่า “จำไว้ว่า ความมืดนั้นสามารถเก็บความลึกลับและสิ่งมหัศจรรย์ได้มากเท่ากับที่มันเก็บความกลัวได้ โลกนี้กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยสิ่งที่ต้องสำรวจและทำความเข้าใจ นายจงโอบกอดสิ่งที่นายไม่รู้จักไว้ เพราะมันมักจะซ่อนความประหลาดใจที่สวยงามที่สุดไว้เสมอ”
ในคืนนั้นบูกี้แมนเล่าเรื่องชีวิต ความฝัน และความสำคัญของการเผชิญหน้ากับความกลัวให้ทิมมี่ฟัง ความกลัวของทิมมี่ที่มีต่อบูกี้แมนเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเป็นความเคารพต่อสิ่งมีชีวิตลึกลับ ผู้ปรากฏตัวในสถานที่ที่มืดมนที่สุด
เมื่อแสงอรุณแรกของดวงตะวันสาดส่องผ่านหน้าต่าง บูกี้แมนก็ลุกขึ้นยืน
“จำที่เราคุยกันไว้นะเจ้าหนู อย่าปล่อยให้ความกลัวฉุดรั้งนาย มีอะไรให้ค้นพบมากมายบนโลกใบนี้ แม้แต่ในเงามืด”
ร่างของบูกี้แมนจางหายไปในยามรุ่งสาง ขณะทิมมี่ได้เรียนรู้ความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับความกลัวและความกล้าหาญ
ตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา หนูน้อยทิมมี่ก็เผชิญหน้ากับความมืดในเวลานอนด้วยความกล้าหาญ หลังจากบูกี้แมนได้สอนบทเรียนที่มีคุณค่าที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตให้เขา
แม้ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด ก็มีบทเรียนให้เราได้เรียนรู้และเติบโต
*
บูกี้แมนเป็นหนึ่งในภูตผีปีศาจนี่น่ากลัวทีเดียวสำหรับฉันค่ะ เพราะขณะที่เขียนเรื่องของบูกี้แมนอยู่นี้ ก็เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว
ในห้องนอนอันเงียบงันที่ฉันไม่เคยชินเลยเวลาปิดไฟนอน กว่าจะหลับได้ในทุก ๆ คืน แถมคืนนี้ยังมาเขียนเรื่องน่ากลัวอีก
คุณนักอ่านที่น่ารักช่วยเป็นกำลังใจให้ฉันผ่านคืนนี้ไปได้ด้วยดีด้วยนะคะ ><
มาลินทร์, แม่มดฝึกหัด
-บรรณารักษ์-
*