ภูต (Spirit) เป็นตัวตนที่อาศัยอยู่ในมิติคู่ขนานกับโลกมนุษย์ของเรา
ณ ที่แห่งนั้น สิ่งมีชีวิตตามตำนานต่าง ๆ เท่าที่เราจะจินตนาการได้ล้วนมีชีวิตอยู่จริง มีร่างกาย มีครอบครัว และมีวัฒนธรรม
เหล่ามังกร แฟรี่ แม่มด ปีศาจ นางเงือก แวมไพร์ มนุษย์หมาป่า จิ้งจอกเก้าหาง หรือสิ่งมีชีวิตอื่นใดก็ตามที่คุณจะจินตนาการถึง
พวกเขาล้วนอาศัยอยู่ในอีกมิติหนึ่ง ในคนละคลื่นความถี่ของมนุษย์ ต่างระดับพลัง ต่างชนชั้น และต่างภพภูมิกันไป
ในบทความนี้ ฉันจะปูพื้นฐานให้นักอ่านต่างวัยต่างพื้นฐานความรู้ของฉัน ได้เข้าใจและเห็นภาพของสิ่งที่ฉันจะเล่าให้เหมือนกันก่อน
เพราะฉันกำลังจะเปิดโลกเหนือจินตนาการยิ่งกว่าหนังแฟนตาซีให้ทุกคนได้ไปทัวร์พร้อมกัน
คิดภาพตามว่าตอนนี้คุณกำลังยืนอยู่ในลิฟต์แก้วของคอนโดสูงระฟ้า…
ร่างกายคุณพร้อมแล้ว จิตใจคุณเปิดกว้าง
ประตูลิฟต์แก้วใสปิ๊งปิดลง แต่คุณยังเห็นภาพทุกอย่างด้านนอกชัดเจนทั้งสองตา
ฉันจะเป็นไกด์ที่อยู่กับคุณในลิฟต์แก้วนี้ เราค่อย ๆ ไปด้วยกัน ทำความเข้าใจพร้อมกัน ณ บัดนี้
คอนโดต่างมิติ
ฉันจะเปรียบเทียบจักรวาลหรือมิติต่าง ๆ เป็นคอนโดสูง
ทุกตัวตนในคอนโดจะมีคีย์การ์ดเป็นของตัวเองที่ใช้เปิดประตูห้อง และเพื่อเปิดกับใช้ลิฟต์เท่านั้น
เมื่อแตะคีย์การ์ดตอนเข้าลิฟต์ ลิฟต์จะเปิดให้เจ้าของคีย์การ์ดออกไปได้เฉพาะชั้นที่เจ้าของคีย์การ์ดอาศัยอยู่ และชั้นที่เป็นพื้นที่ส่วนกลาง
ซึ่ง… โลกมนุษย์ของเราถือเป็นพื้นที่ส่วนกลาง
ทำไมภูตถึงมาโลกมนุษย์ได้ ?
ที่ฉันเปรียบเทียบว่าโลกมนุษย์คือพื้นที่ส่วนกลาง เพราะว่า โลกมนุษย์เป็นดินแดนที่เปรียบดั่ง สนามประลอง ของจิตวิญญาณจากชั้นต่าง ๆ ในคอนโด
พวกเขามาที่นี่เพื่อ เก็บเวล หรือ สะสมเลเวล อาจจะมาในรูปแบบของมนุษย์ (หลังจากที่เขาตายแล้วมาเกิดใหม่ในมิตินี้) หรือมาในรูปแบบของภูต จิตวิญญาณ หรือพลังงานก็ตาม
แต่โลกมนุษย์เป็นที่เดียวที่พวกเขาเหล่านั้นจะได้ช่วยเหลือ ใช้พลัง ฝึกความอดทนอดกลั้น ได้ปกป้อง และทำลายล้าง
เหตุที่เป็นอย่างนั้น เพราะในมิติหรือชั้นที่พวกเขาอาศัยอยู่ ‘สงบ’ เกินไปอย่างไรล่ะ
คิดภาพตามนะคะ ให้เหมือนกับหนังเรื่องหนึ่ง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มนุษย์อาศัยอยู่ในโลกอันสงบสุข ณ ที่ซึ่งทุกคนอยู่ร่วมกับเหล่านางฟ้า ปีศาจ และเผ่าพันธ์ุต่าง ๆ เท่าที่คุณจะจินตนาการถึง
แต่ยิ่งนานวันเข้า มนุษย์ก็เริ่มมีความต้องการมากขึ้น เริ่มมีความอดอยาก ส่วนเหล่าปีศาจที่ไม่อาจต้านทานสัญชาตญาณชั่วร้ายในตนเองได้ ก็กลืนกินพลังงานมืดเหล่านั้นเป็นอาหาร
พวกเขาเริ่มเป่าหูมนุษย์ให้ทำสิ่งไม่ดีอีกเรื่อย ๆ เมื่อมีคนทำสิ่งไม่ดี มนุษย์บางคนก็เริ่มเลียนแบบ คนที่ไม่พอใจกับชีวิตมากนักก็นึกอิจฉา เริ่มร้องขอด้วยความโลภ
มีความเกลียดชัง เคียดแค้น พยาบาท พ่ายแพ้ให้กับกิเลสด้านมืดของตนเองในที่สุด
ส่วนเหล่านางฟ้า เทพยดาที่เห็นอำนาจมืดของฝ่ายชั่วร้ายกำลังทำลายเพื่อนมนุษย์ก็รีบเข้ามาช่วยเหลือ พวกเขาปกป้อง ชี้แนะถูก-ผิด ให้คำแนะนำ และทำหน้าที่คานอำนาจมืดไม่ให้ลุกไหม้เป็นไฟลามโลกใบนี้จนสูญสิ้น
ฝ่ายดี-ฝ่ายร้าย ต่างคานอำนาจกันไปมาในโลกมนุษย์… ณ พื้นที่ส่วนกลางของคอนโด
ทำไมไม่ไปตีกันที่อื่น?!
อย่างที่กล่าวไปตอนแรกว่า ทุกคนจะมีคีย์การ์ดที่เปิดลิฟต์ได้เฉพาะชั้นที่อยู่อาศัยของตนเอง กับชั้นของพื้นที่ส่วนกลางเท่านั้น
ดังนั้น ตัวตนต่างมิติ ย่อมไม่อาจเดินทางไปโวยวายที่มิติอื่นได้ ปีศาจไม่อาจขึ้นไปโวยวายท่านเทพ เหมือนกับที่ท่านเทพไม่อาจลงลิฟต์ไปถล่มรังปีศาจ
ที่เดียวที่พวกเขาจะได้ ไฟต์กัน ก็มีแค่พื้นที่ส่วนกลางอย่างโลกมนุษย์เท่านั้น
ถึงอย่างนั้น ในคอนโดชั้นต่าง ๆ ก็จะมีระเบียงริมตึกเพื่อให้ลูกบ้านชมวิวทิวทัศน์ได้อย่างสบายใจ
ซึ่งลูกบ้านที่อยู่มิติชั้นสูงกว่า ย่อมมองลงมาเห็นความวุ่นวายในมิติชั้นล่าง ๆ ได้
ขณะที่ตัวตนในมิติชั้นล่างลงมา แม้จะรับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของชั้นบน แต่ก็ไม่อาจมองเห็นว่าพวกเขาอยู่กันอย่างไร
เหมือนกับเวลาที่เราเงยหน้ามองฝ้าเพดาน แต่ไม่อาจเห็นห้องเหนือเพดาน
เปรียบเทียบให้เห็นภาพขึ้นและใกล้ตัวอีกหน่อย ก็เหมือนกับมนุษย์เราที่อยู่ร่วมกับเหล่าสัตว์ แม้จะอยู่ในมิติเดียวกัน แต่ก็ถือเป็นคนละชนชั้น คนละสายพันธ์ุ
หากเทียบตามหลักศาสนา มนุษย์กับสัตว์เดรัจฉานถือเป็นคนละภพภูมิด้วยซ้ำ อยู่กันคนละชั้นคอนโด แต่อยู่ในมิติส่วนกลางเหมือนกัน (จะเปรียบว่า มนุษย์อยู่ชั้นลอยเพื่อความเข้าใจง่ายขึ้นก็ได้นะคะ ^^)
ที่เป็นอย่างนั้นเพราะมนุษย์เราแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ สามารถทำความเข้าใจความเป็นไปต่าง ๆ ในธรรมชาติได้ มีกฎที่ต้องเคารพรักษา และมีความกตัญญูที่ต้องแสดงออก
ขณะที่ภพภูมิของสัตว์เดรัจฉานนั้นทำได้เพียงใช้ชีวิตเวียนวนไปกับการเกิด หาอาหาร
บางตัวมีแหล่งอาศัย บางตัวต้องพึ่งมนุษย์ แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้ แต่มีความรักและความผูกพันธ์ุตามสัญชาตญาณดิบจากใจจริง ก่อนจะจากไปตามอายุขัยของตัวเอง
มนุษย์เรามองเห็นความเป็นไปของสัตว์เดรัจฉาน เสมือนมองผ่านระเบียงของชั้นบนหรือชั้นลอย
ขณะสัตว์เดรัจฉานแม้จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของภพมนุษย์ชั้นเหนือเพดานหรือชั้นลอย แต่ก็ไม่อาจข้ามชั้นขึ้นมาทำความเข้าใจวิถีมนุษย์ได้
ฉันใดก็ฉันนั้น มนุษย์เราไม่อาจเข้าใจวิถีของชาวสวรรค์ ท่านเทพ หรือภพภูตผีวิญญาณได้เหมือนกัน
เราจึงไม่อาจนำวิถีหรือความคิดแบบมนุษย์ เป็นบรรทัดฐานไปตัดสินพวกเขาได้นะคะ
มิติทับซ้อนมีอะไรบ้าง
ถ้าจะให้เจาะจงสักหน่อยว่าแต่ละชั้นคอนโดมีมิติอะไรบ้าง ฉันก็สามารถแบ่งแยกประเภทของมิติออกได้คร่าว ๆ ดังนี้…
ทั้งนี้ ให้คุณคิดภาพว่า ฉันตัดแบ่งคอนโดทั้งตึกออกเป็นสามส่วน มี ส่วนบน ส่วนกลาง ส่วนล่าง
และในแต่ละส่วนก็มีห้องและชั้นต่าง ๆ มากมายเรียงกันอยู่เป็นตับ
ในห้องที่ประกอบเป็นหลาย ๆ ชั้นเหล่านั้น คือจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล
บางจักรวาลมีเวิ้งฟ้ากว้าง มีแสงตะวันสาดส่อง มีหมู่นกร้องเพลงขับขานอย่างอารมณ์ดี
บางจักรวาลมีแต่รัตติกาลมืดมิด รายล้อมโลกหล้าด้วยหมู่ดาวนับล้าน สาดแสงระยิบระยับพิมใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นสุข
ขณะที่บางจักรวาลกลับเต็มไปด้วยความโหดร้ายทารุณ ผู้คนอดอยากข้นแค้น มีแต่การสังหารและเหล่าปีศาจก็กลืนกินกันเอง
ส่วนบน
มิติอนันต์กาล (Overworld)
เป็นมิติระดับสูงที่แยกออกห่างจากมิติอื่น ๆ นอกจากลูกบ้านที่อาศัยอยู่ในมิตินั้นแล้ว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจแอบขึ้นลิฟต์ไปดูได้ แม้แต่นักท่องมิติที่บางครั้งก็เผลอหลุดรอดไปยังมิติอื่น ๆ บ้าง ทั้ง ๆ ที่เขาไม่มีคีย์การ์ด
อธิบายในส่วนของนักท่องมิติสักหน่อย นักท่องมิตินั้นทำได้เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์อยู่ในลิฟต์แก้วเท่านั้น เหมือนที่เรากำลังยืนอยู่นี้ ไม่สามารถเดินออกนอกลิฟต์ไปเพ่นพ่านได้ เนื่องจากอยู่กันคนละมิติ คนละคลื่นความถี่
คล้าย ๆ กับตอนที่เราเจอผี เราเห็นผี แต่ไม่สามารถจับต้องได้ ส่วนผีก็เป็นเพียงพลังงานเลือนราง จับต้องสิ่งใดในโลกมนุษย์ไม่ได้ มีชีวิตใหม่อยู่ในมิติวิญญาณของตนเอง
สิ่งมีชีวิตในมิติอนันต์กาลนั้นเป็นอมตะ แต่บางตัวตนก็มีอายุยืนยาวมากจนราวกับเป็นอมตะทีเดียว และพวกเขามักจะเลือกจากมิตินี้ไปด้วยเจตนารมณ์บางอย่างของตน
- โอเมกา (Omega)
โอเมกาเป็นคอนโดชั้นที่ไม่มีภูตชั้นต่ำกว่านี้เข้าถึงได้แล้ว เพราะมีคลื่นความถี่สูงเกินกว่าระดับสมองของมนุษย์จะรับได้ และสูงเหนือชั้นอื่นใดทั้งปวง
- วอยด์ (Void)
วอยด์เป็นคอนโดชั้นที่สิ่งมีชีวิตไร้รูปร่างอาศัยอยู่ พวกเขามีลักษณะเป็นดวงจิตหรือมวลพลังงาน
- ดีไวน์ (Divine)
ดีไวน์เป็นคอนโดชั้นที่เหล่าเทพ เทพี หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพบูชาในทุกความเชื่อศาสนาอาศัยอยู่ เป็นที่ที่มนุษย์เรียกว่าสรวงสวรรค์ แอสการ์ด หรือโอลิมปัส
- แองเจลิก (Angelic)
แองเจลิกเป็นคอนโดชั้นที่อยู่ของทูตสวรรค์ เอนทิตี (Entity) และสปิริตต่าง ๆ ที่มีพลังงานดี
ส่วนกลาง
มิติเวียนว่ายตายเกิด (Physical Realm)
โลกมนุษย์ของเราอยู่ในมิตินี้ เป็นมิติที่มีร่างกาย มีความเสื่อมตามอายุไข และหมดลมหายใจ
- อาณาจักรแห่งจิตวิญญาณ (Spiritual Realms)
เป็นคอนโดชั้นที่อยู่ของเหล่าเทวดานางฟ้าชั้นรองลงมาจากทูตสวรรค์ (สวรรค์ชั้นต้น) เป็นที่พำนักของวิญญาณบรรพบุรุษ เหล่าสัตว์ภูต (Spirit Animal) และฤาษีชีไพร
- อาณาจักรแห่งกายละเอียด (Etheric Realms)
เป็นคอนโดชั้นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในตำนานอย่างแฟรี่ มังกร เอลฟ์ พิกซี่ ดวงจิตแห่งธรรมชาติ เป็นต้น เป็นชั้นที่มนุษย์เราสามารถอัญเชิญพวกเขามาเพื่อติดต่อ พูดคุย ขอคำชี้แนะ และทำพันธะสัญญาทั่วไปได้
- อาณาจักรมนุษย์ (Physical Realms)
เป็นคอนโดชั้นที่อยู่ของเหล่ามนุษย์ สรรพสัตว์ และพืชชนิดต่าง ๆ เป็นชั้นที่เปรียบดั่งพื้นที่ส่วนกลาง ที่ไม่ว่าใครจากมิติใดก็สามารถเข้ามาเตร็ดเตร่ได้
- อาณาจักรเงา (Sub-Etheric Realms)
เป็นคอนโดชั้นที่อยู่อาศัยของ ขั้วตรงข้ามของสิ่งมีชีวิตในตำนาน หากเปรียบอาณาจักรแห่งกายละเอียดเป็นแสง อาณาจักรเงาก็เป็นที่อยู่ของด้านมืดแห่งแสงนั้น ที่นี่คล้ายกับอาณาจักรซ่อนเร้น เป็นที่พำนักของเหล่าดาร์กแฟรี่ ดาร์กเอลฟ์ เวนดิโก บูกี้แมน ปอบ ผีกะ และภูตผีปีศาจตามความเชื่อพื้นบ้าน
- อาณาจักรแห่งโลกหลังความตาย (Plutonian Realms)
เป็นคอนโดชั้นที่เป็นแหล่งพำนักของเหล่าดวงจิตที่ละกายสังขารแล้ว ที่นี่เต็มไปด้วยวิญญาณของเหล่ามนุษย์ สัตว์ และพืช เคลื่อนไหวไปมาอย่างอิสระ และเป็นที่อยู่ของ มนุษย์เงา ที่อันตรายด้วย
ส่วนล่าง
มิติมืด (Underworld)
ที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่ไร้ซึ่งแสงสว่างตามชื่อแต่อย่างใด หากแต่หมายถึง มิติที่ไร้ซึ่งแสงสว่างของความดีงาม
ที่นี่เต็มไปด้วยอันตราย โหดร้าย ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ สิ่งมีชีวิตในมิตินี้ล้วนมีพลังงานลบ และชอบต่อสู้กันเอง
- อาณาจักรแห่งมลทิน (Unhallowed Realms)
เป็นคอนโดชั้นที่อยู่อาศัยของปีศาจหลายเผ่าพันธุ์ พวกปีศาจนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างเจ้าเล่ห์ ชอบกลับกลอกพลิกลิ้น
มีบางคนที่ได้ทำพันธะสัญญากับปีศาจในมิตินี้ แต่หลังจากนั้นก็ทิ้งขว้างฉีกสัญญา หรือขับไล่ปีศาจไป พวกปีศาจในมิตินี้นี่เองที่จะท่องเที่ยวไปในมิติมนุษย์และสิงสู่อยู่ตามวัตถุโบราณต่าง ๆ
จากนั้นก็จะออกมาสร้างความวุ่นวายให้คนที่มีสัมผัสพิเศษ คนที่ชอบสะสมวัตถุโบราณ และคนที่ชอบไปข้องเกี่ยวกับเรื่องทางไสยศาสตร์และวิญญาณโดยไม่รู้วิธีป้องกันตนเอง
- มิติโกลาหล (Chaos)
เป็นคอนโดชั้นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์เพทุบาย เป็นสถานที่แห่งจิตที่ชอบสร้างความโกลาหล
- วอยด์แห่งมิติมืด (Dark Void)
เป็นคอนโดชั้นที่มืดมิดนิรันดร ว่ากันว่าที่แห่งนี้ว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดอาศัยอยู่ แต่อีกตำนานก็กล่าวว่า ที่แห่งนี้กักขังสิ่งที่น่ากลัวที่สุดไว้
- โอเมกาแห่งมิติมืด (Dark Omega)
เป็นคอนโดชั้นที่อยู่ต่ำกว่าชั้นวอยด์แห่งมิติมืดเสียอีก ไม่มีใครรู้ว่าที่แห่งนี้ซุกซ่อนสิ่งใดอยู่ เพราะไม่มีใครเคยลงไปได้ต่ำขนาดนั้น
ว่ากันว่าในคอนโดชั้นมิติมืดนี้… เป็นชั้นที่รวบรวมสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายหลัก ๆ ไว้ 5 เผ่าพันธุ์ด้วยกัน ได้แก่
- จิตชั่วร้าย (The Unhallowed)
จิตชั่วร้ายเป็นปีศาจที่เกิดจากพลังงานลบ และสภาพบิดเบี้ยวของจิตใจมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นที่สูงกว่า
มันเป็นประเภทปีศาจที่ปรากฏตัวในหนังสยองขวัญบ่อย ๆ เปรียบเหมือนกับอาชญากรแห่งเหล่าปีศาจทั้งปวง ที่หากพบต้องทำพิธีขับไล่ (Exorcism) ทันที
จิตชั่วร้ายชอบสิงสู่ร่างเหยื่อ ชอบเห็นเหยื่อทุกข์ทรมาน เหล่าแม่มดมักหลีกเลี่ยงที่จะทำพันธะร่วมกับมัน เพราะจิตชั่วร้ายมักมีเจตนาแอบแฝงที่ไม่ดีเสมอ
- ปีศาจ (Devil)
ปีศาจเป็นตัวตนที่เหนือกว่าจิตชั่วร้าย พวกเขามีร่างกาย มีสติปัญญาแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ เหล่าปีศาจมีชื่อเสียงในด้านกลโกง เป็นจอมหลอกลวง เป็นนักสร้างสัญญาตัวยง
ปีศาจมักปรากฏตัวต่อหน้าเหล่าแม่มด ผู้ที่เรียกหา หรือผู้มีสัมผัสพิเศษบ่อยครั้ง จากนั้นก็ยื่นข้อเสนอ หรือต่อรองข้อเสนอที่ผู้ต้องการทำสัญญาเสนอมาให้
แต่ไม่ว่าใคร ๆ ก็มักบอกว่าควรหลีกเลี่ยงการทำสัญญากับปีศาจ เพราะพวกเขาปลิ้นปล้อน และข้อเสนอนั้นการันตีได้เลยว่าไม่เป็นธรรมอย่างแน่นอน เพราะปีศาจน่ะชอบ ‘รับ’ มากกว่า ‘ให้’
- เทวทูตตกสวรรค์ (The Fallen)
เทวทูตตกสวรรค์คือกลุ่มเนฟิลิม (Nephilim) ที่เหลือรอด พวกเขายังคงมีพลังของทูตสวรรค์อย่างเต็มเปี่ยม หากแต่จะเลือกใช้พลังนั้นเพื่อความต้องการของตนเอง โดยไม่สนปัญหาที่อาจตามมา
- อิมป์ (Imps)
อิมป์คือแฟรี่ตกสวรรค์ พวกเขาตกลงมาและกลายเป็นปีศาจร่างเล็กแสนซุกซน อิมป์เหลี่ยมจัด และถือเป็นปีศาจที่เหล่าแม่มดติดต่อหาเพื่อให้มาเป็นภูตรับใช้มากที่สุด
บางตำนานกล่าวว่า แท้จริงแล้วอิมป์ส่วนใหญ่นั้นเป็นมิตร และชอบทำงานเพื่อแลกกับอาหาร
- จิตมืด (Mental Demons)
จิตมืดคือปรสิต มีลักษณะเป็นมวลพลังงานที่จะเข้าสิงสู่จิตใจมนุษย์และเหล่าภูต มันเกิดขึ้นจากพลังงานด้านลบที่มาจากความเจ็บปวดจากการถูกกระทำ ถูกกลั่นแกล้ง ถูกทำร้ายร่างกาย เป็นต้น
คนที่คิดแต่เรื่องลบ ๆ มีคลื่นความถี่ของพลังงานต่ำจะดึงดูดจิตมืดได้ง่าย เมื่อถูกจิตมืดครอบงำ มันจะทำให้เหยื่อคิดถึงแต่เรื่องลบ ๆ ยิ่งขึ้นอีก จนกลายเป็นภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล คอยบ่อนทำลายสภาพจิตใจให้เหยื่อทรมานราวกับตกนรกทั้งเป็น
ทำไมเหล่าภูตถึงช่วยเหลือมนุษย์
ขอจงอย่าลืมพื้นฐานที่ว่า เหล่าภูตเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่มีร่างกาย จิตใจ มีครอบครัว มีสังคมของตนเองในมิตินั้น ๆ ไม่ต่างจากวิถีชีวิตของเรานัก
และหากจะพูดถึงความช่วยเหลือระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ และมนุษย์ต่อเหล่าสัตว์ คุณจะนึกถึงสาเหตุอะไรได้บ้าง
ช่วยเหลือเพราะเป็นครอบครัว ญาติพี่น้อง เป็นเพื่อน ช่วยเพราะสงสาร ช่วยเพราะรู้สึกถูกชะตา ช่วยเพราะเป็นจิตอาสา ช่วยเพราะเป็นหน้าที่ หรือช่วยเพราะได้ผลประโยชน์ตอบแทน
สารพัดเหตุผลที่จะนึกออก ซึ่งนี่แหละคือคำตอบ เหล่าภูตที่ช่วยเหลือมนุษย์ล้วนมีเหตุผลแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล
ตัวอย่าง :
ภูตที่ช่วยเหลือเพราะหน้าที่
มีภูตบางเผ่าพันธุ์ที่เกิดมาเพื่อเป็น เทพารักษ์ (น. เทวดาผู้ดูแลรักษาที่แห่งใดแห่งหนึ่ง) มีหน้าที่ดูแลอารักขาสิ่งต่าง ๆ เช่น พระภูมิ (ดูแลบ้าน), แม่ย่านาง (ดูแลพาหนะ), รุขเทวดา (ดูแลต้นไม้) เป็นต้น
หรือ แม่ซื้อ ก็เป็นภูตที่มีหน้าที่คอยดูแลรักษาเด็กทารกแรกเกิด เมื่อถึงช่วงอายุหนึ่ง แม่ซื้อก็จะจากไปตามกำหนดเวลา
ภูตที่ช่วยเหลือเพราะรู้จักกันมาก่อน
หากคุณมีความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด คุณย่อมเข้าใจว่าชาติภพนี้ที่คุณเกิดมาไม่ใช่ชาติแรกและชาติเดียว
อย่างที่บอกว่าคอนโดมิตินี้มีหลายชั้นมากกกก ครั้งหนึ่งคุณอาจเคยอาศัยอยู่ในชั้นที่สูงขึ้นไป มีครอบครัว มีเพื่อน มีคนรัก
แล้วในวันหนึ่ง คุณก็รู้สึกว่า ฉันอยากจะมีโอกาสย้ายขึ้นไปอยู่ชั้นที่สูงกว่านี้จัง แต่เวลไม่พอ คุณก็เลยต้องมาเก็บเวลที่โลกมนุษย์ก่อน
ถ้าไม่มาด้วยจิตวิญญาณในฐานะภูตตนหนึ่ง คุณก็มาที่นี่ได้ด้วยร่างกำเนิดใหม่
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เหล่าภูตที่รักใคร่สนิทสนมกันดีมาก่อน ก็อยากจะมาคอยช่วยเหลือดูแลคุณ ทั้งพ่อแม่ ญาติพี่น้อง คนรัก เพื่อน หรือแม้แต่ครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนคุณมาก็ดี พวกเขาที่ยังหวังดีก็ล้วนอยากปกป้องคนของตัวเองทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจไปเลย ที่บางครั้งคุณไม่ได้ไหว้หรือนับถือเทพองค์ใดเป็นพิเศษมาก่อน แต่ท่านก็คอยช่วยเหลือคุณอยู่เสมอ
เพราะคุณจำท่านไม่ได้ แต่ท่านจำคุณได้แม่นเลย
ภูตที่ช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
ในพื้นที่ส่วนกลางที่เต็มไปด้วยอะไรต่อมิอะไรมากมายนี้ นอกจากเป็นสนามประลองแล้ว ก็ยังมีลูกบ้านจากมิติอื่นมาเที่ยวเล่นพักผ่อนหย่อนใจ ดูสิ่งแปลกใหม่ต่างมิติด้วย
และบางครั้งพวกเขาก็จะพบมนุษย์บางคนที่ทำให้รู้สึกชอบพอ ถูกชะตา หรือมองเห็นข้อดีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าอยากช่วยให้คนคนนี้สมหวังจัง
มนุษย์คนนั้นอาจกำลังเผชิญโชคชะตาแบบเดียวกับที่ภูตเคยเผชิญมาแล้ว เลยทำให้รู้สึกสงสาร เข้าอกเข้าใจ
หากจู่ ๆ วันหนึ่งคุณรู้สึกว่าโชคชะตาเป็นใจเป็นพิเศษอย่างไรอย่างนั้น นั่นอาจเป็นความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ จากภูตใจดีที่ผ่านมาพานพบคุณเข้าก็ได้นะ
แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าเป็นใคร อย่างน้อยที่สุด ก็ลองตั้งสมาธิดี ๆ แล้วกล่าว ขอบคุณ ใครก็ตามที่ช่วยเหลือคุณอยู่ในใจ
เพียงคำขอบคุณสั้น ๆ ก็เป็นการแสดงออกที่แสนจะน่ารักมาก ๆ แล้วล่ะ
ภูตที่ช่วยเหลือเพราะมีพันธะสัญญาร่วมกัน
นอกจากภูตที่ใจดี ช่วยเหลือมนุษย์โดยไม่หวังผลตอบแทนแล้ว ก็ยังมีการอัญเชิญเหล่าภูตมาหาเพื่อขอสร้างพันธะสัญญาแลกเปลี่ยนด้วย
ซึ่งพันธะสัญญาที่ทำส่วนใหญ่ มักเกี่ยวข้องกับการขอให้ภูตมาเป็นผู้พิทักษ์และคอยชี้แนะ (Spirite Guide) ในด้านที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ศาสตร์ จิตวิญญาณ และการทำนาย
มีภูตหลายประเภทที่เก่งกาจด้านการทำนายอย่างมาก เช่น
ญิน ญินมีพลังมหาศาล พลังจิตเข้มแข็ง สามารถมอบพรได้ จำแลงกายได้
ภูตจิ้งจอก ภูตจิ้งจอกมีตบะแก่กล้า มีความสามารถในการหยั่งรู้เหนือกาลเวลา เป็นต้น
แต่นอกจากนี้ยังมีภูตประเภทปีศาจ แวมไพร์ แฟรี่ ที่มีระดับพลังสูง แต่ก็เจ้าเล่ห์แสนกลมากพอกัน
ซึ่งผู้ใช้เวทมนตร์บางคนก็นิยมอัญเชิญมาสร้างพันธะสัญญาด้วย หากแต่ความจริงแล้ว พวกเขากลับเป็นกลุ่มที่ไม่ควรไปยุ่มย่ามด้วยเด็ดขาด
เพราะภูตประเภทปีศาจ แวมไพร์ แฟรี่ เป็นภูตที่มีทิฐิ ไม่ชอบสุงสิงกับสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์ และไม่ง่ายเลยที่จะได้พบ
แม้จะยื่นข้อเสนอไปให้แล้ว ก็ใช่ว่าทุกคนจะสมหวัง เพราะพวกเขาจะสนใจเฉพาะข้อเสนอที่ น่าสนใจจริง ๆ เท่านั้น ซึ่งสิ่งที่แลกเปลี่ยนต้อง คุ้มค่า มากพอจะร่วมลงทุน
คราวนี้ฉันจะแตะคีย์การ์ดอีกครั้ง และพาคุณกลับมายังพื้นที่ส่วนกลางของคอนโด ที่ซึ่งคุณกำลังนั่งอ่านบทความนี้ของฉันอยู่
เรากำลังก้าวออกจากลิฟต์มาสู่อาณาจักรมนุษย์อันคุ้นเคย…สูดกลิ่นอากาศสดชื่นเข้าเต็มปอด
ตอนนี้เรากำลังยืนอยู่กลางทุ่งหญ้า สายลมพัดโชยเบา ๆ ให้ผืนหญ้าแซมดอกไม้เล็ก ๆ พลิ้วไหว มีต้นไม้ใหญ่ยืนต้นอยู่ประปราย ยินเสียงนกร้องจิ๊บ ๆ คลอกับเสียงธารไหลเอื่อยอยู่ใกล้ ๆ มองเห็นเมืองใหญ่ตั้งอยู่ไกลสุดสายตา
ณ ที่แห่งนี้คุณรู้สึกได้ถึงอิสรภาพ ไร้พันธะกังวล ปล่อยใจไปกับสายลมอ่อนโยน
ในสายตาตอนนี้คุณเห็นเพียงธรรมชาติปลอดโปร่ง ว่าแล้วฉันก็ยื่นแว่นเลนส์ใสให้คุณ คุณรับมาและสวมมัน ทันใดนั้น มิติซ่อนเร้นก็พลันกระโจนสู่สองตา
ใช่แล้วล่ะ นี่คือแว่นวิเศษที่ทำให้คุณมองเห็นภูตพิสดารที่ท่องเที่ยวอยู่ในโลกมนุษย์ของเราได้ พวกเขาอยู่ที่นี่มานานมากแล้ว เดินทะลุผ่านเราไปมา โบยบินในวิวทิวทัศน์ที่เราเห็นเป็นท้องฟ้าโล่ง แหวกว่ายในทะเลเย็นเยือกที่เราไม่รู้ว่าซุกซ่อนสิ่งใด
อย่าเพิ่งตกใจกับสิ่งที่เห็น ! ฉันจะค่อย ๆ แนะนำพวกเขาให้คุณรู้จักเอง
ภูตพิสดารประเภทต่าง ๆ
เมื่อคุณมองไป คุณอาจจะเห็นเพียง ภูตพิสดาร ที่เตร็ดเตร่อยู่ท่ามกลางเหล่ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นแวมไพร์ แฟรี่ ญิน มังกร สิงโต แมว สุนัข ปีศาจ เป็นต้น หากแต่ความจริงแล้วภูตนั้นมีหลายประเภทมาก
- สัตว์ภูต (Spirit Animal)
สัตว์ภูตเป็นความเชื่อที่มาจากชนพื้นเมืองอเมริกัน (Native American) โดยหมอผีประจำเผ่ากล่าวว่า สัตว์ภูตคือวิญญาณของบรรพบุรุษที่จากไปแล้ว ได้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในรูปของสัตว์เพื่อชี้แนะเรา เพื่อเพิ่มพลัง และเพื่อรักษา บางครั้งก็จะคอยติดตามเหล่าหมอผีฝึกหัดเพื่อสั่งสอนและตักเตือน
ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะมีแต่เหล่าหมอผีเท่านั้นที่มีสัตว์ภูตคอยดูแลอยู่ เพราะคนธรรมดาอย่างเรา ๆ ก็มีสัตว์ภูตคอยดูแลปกป้องเช่นกัน พวกเขาจะมาคอยช่วยเหลือในส่วนที่เราบกพร่องหรือขาดหายไป
- เอนทิตี (Entity)
เอนทิตีคือสิ่งมีชีวิตที่มีตัวตนอยู่ในอีกมิติหนึ่งของโลกคู่ขนานกับโลกมนุษย์ พวกเขาต่างจากเหล่าภูตอื่น ๆ ตรงที่ ภูตหมายถึงวิญญาณที่ตายไปแล้ว แต่เอนทิตีนั้นยังมีตัวตน มีลมหายใจ มีอายุไขและชีวิตที่ต้องใช้ มีความรู้สึกนึกคิด มีครอบครัว และมีหน้าที่การงานเหมือนกับมนุษย์
เอนทิตีนั้นมีพลังมหาศาล (แต่น้อยกว่าพลังเทพ) เหล่าผู้ใช้เวทมนตร์จึงมักอัญเชิญเอนทิตีมาเพื่อขอให้ช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ที่เอนทิตีถนัด เช่น ด้านโชคลาง ด้านความรัก ด้านการฝึกเวท ด้านอำนาจ ด้านการให้พร เป็นต้น
- ภูตรับใช้ (Familiar Spirit)
มนุษย์มีการคิดค้นวิธีติดต่อกับเหล่าภูต และสร้างพันธะสัญญาเพื่อให้ภูตมาคอยปกป้อง ช่วยเหลือ ชี้แนะในสิ่งที่ต้องการ หรือสิ่งที่กำลังฝึกฝน ภูตที่ทำสัญญาด้วยจะเรียกกันว่าภูตรับใช้ เป็นได้ทั้งทูตสวรรค์ แฟรี่ ปีศาจ หรือสัตว์ เป็นต้น
- ภูตอุปถัมภ์ (Patron Deity)
ภูตอุปถัมภ์คือบารมีคุ้มครองที่มาจากองค์เทพและเทพีที่เราเคารพบูชา ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของท่านคอยปกป้องดูแลเรา เวลาที่เรานับถือเทพหรือเทพีองค์ใดด้วยใจบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ในตอนที่เราขอพรหรือตั้งจิตอธิษฐานถึงท่าน บางครั้งก็รู้ได้ว่าท่านฟังอยู่หรือพรที่ขอสมปรารถนา นั่นแหละ คือพลังที่มาจากภูตอุปถัมภ์
- วิญญาณรับใช้ (Spirit Familiar)
วิญญาณรับใช้ต่างจากภูตรับใช้ตรงที่ วิญญาณรับใช้คือเหล่าสัตว์ที่ตายไปแล้ว และยินยอมมารับใช้ผู้ใช้เวทมนตร์ วิญญาณรับใช้จะหล่อเลี้ยงตนเองด้วยพลังเวทมนตร์หรือพลังชีวิตของผู้เลี้ยง มีหน้าที่คอยช่วยเหลือบริเวณแท่นพิธีและดูแลรอบบ้าน
- เฟตช์บีสต์ (Fetch Beast)
ว่ากันว่าเฟตช์บีสต์คือสัตว์ร้ายที่เป็นเงาสะท้อนวิญญาณของผู้ใช้เวทมนตร์ มันถือกำเนิดมาพร้อมกับผู้ใช้เวทมนตร์เอง เฟตช์บีสต์อาจอาศัยอยู่ในมิติอื่น และจะมีเพียงผู้ใช้เวทมนตร์เท่านั้นที่สามารถอัญเชิญมันมาได้ เฟตช์บีสต์มีนิสัยดื้อรั้น ก้าวร้าว และควบคุมยาก เพราะมีฐานะเท่าเทียมกับผู้ใช้เวทมนตร์ และมักจะสนใจเฉพาะข้อตกลงที่แสนพิเศษเท่านั้น
- สมุนไพรเวทมนตร์ (Green Familiars)
สมุนไพรเวทมนตร์คือพืชที่ปลูกด้วยพลังเวทมนตร์ของแม่มดพ่อมด และได้รับพลังจากการดูดซับพลังของหินแร่และอัญมณีใต้ดินด้วย แม้รูปร่างไม่ได้แตกต่างจากพืชทั่วไป แต่ต่างที่จุดประสงค์ของการปลูกก็เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบพิธีกรรม รวมถึง ความเข้มขลังจากสมุนไพรเวทมนตร์นั้น ช่วยลดขั้นตอนในการร่ายเวทได้
ภูตพิสดารที่คุณได้พบ
ลองดูตรงนั้นสิ! ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงนั้นมีคุณยายนั่งอยู่ คุณยายคนนั้นชื่อ บาบา ยากา ล่ะ
บาบา ยากา (Baba Yaga) เป็นแม่มด นางอาศัยอยู่ในกระท่อมขาไก่กลางป่าลึก และชอบขี่ครกไปไหนมาไหนเสมอ มีข่าวลือว่า บาบา ยากาชอบจับเด็กมาต้มกิน แต่นั่นก็เป็นแค่ข่าวลือน่ะนะ เพราะเท่าที่เหล่าภูตรู้จัก คุณยายบาบา ยากาเป็นแม่มดใจดีที่ผูกพันกับป่ามาก
คุณยายบาบา ยากาคอยดูแลผืนป่า ดูแลสัตว์ป่า และดูแลคนเดินป่าให้ปลอดภัย ถึงอย่างนั้นคุณยายใจดีก็สามารถกลายร่างเป็นปีศาจร้ายได้ภายในพริบตา ถ้าเจอคนไม่ดีที่มาทำลายป่าเข้า
คุณยายบาบา ยากานั้นเก่งกาจทางเวทมนตร์มาก ผู้ฝึกฝนเวทมนตร์ศาสตร์มักจะอัญเชิญคุณยายไปเพื่อขอความช่วยเหลือด้านนี้เสมอ
นั่นใครล่ะนั่น สาวสวยที่นั่งแอบอยู่ข้างต้นไม้หลังคุณยายนั้น อ้อ เธอคือ นิมโฟ น่ะเอง
นิมโฟ (Nympho) เป็นเอนทิตีที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับ ปีศาจซักคิวบัส (Succubus) หรือปีศาจราคะ แต่นิมโฟไม่ได้ดูดกลืนพลังชีวิตของมนุษย์เหมือนกับซักคิวบัส
นิมโฟนั้นงดงามทรงเสน่ห์ เธอเป็นตัวแทนแห่งความลุ่มหลง ทาสรัก และกามารมณ์ ถ้าคุณอยากจะเสริมพลังเสน่ห์ให้กับตัวเองดูสักหน่อย ก็ลองติดต่อเธอดูสิ
อ๊ะ! มานั่นแล้ว ที่ลอยลิ่ว ๆ อย่างกับผีมานั่นน่ะคือ ญิน ล่ะ เธอรู้จักใช่ไหม จะเรียกว่า จีนี่ (Genie) ก็ได้นะ
ญิน หรือ ดีญิน (Djinn) พวกเขาเกิดมาจากไฟไร้ควันของพระเจ้า เกิดมาก่อนมนุษย์คู่แรกของโลกซะอีก ใคร ๆ มักจะเข้าใจผิดว่าญินเป็นผี แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย
ญินนั้นเป็นเอนทิตี พวกเขามีตัวตนอยู่ในมิติคู่ขนาน พวกเขามีสังคม มีเกิดแก่เจ็บตายเหมือนมนุษย์ สามารถคิด วิเคราะห์ แยกแยะได้ และมีความรู้สึก ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มีพลังมหาศาล มีอายุยืนยาวกว่ามนุษย์มาก บินได้ ก็เหมือนกับที่ลอยมานั่นแหละ แล้วยังแปลงกายได้ด้วย
ผู้ใช้เวทมนตร์มักจะติดต่อญินเพื่อให้พวกเขาช่วยเหลือด้านการใช้พลังจิต การแปลงกาย และมอบพร
มองต่ำลงสักหน่อย เห็นเจ้าตัวเล็ก ๆ ที่กำลังคุยกับตั๊กแตนอยู่นั่นไหม พวกเขาคือ เอลฟ์ป่า ผู้น่ารัก
เอลฟ์ป่า (Wood Elf) ออกจะผิวขาวซีดไปบ้าง รูปร่างก็ตัวเล็ก ๆ ผอมบาง ไม่ได้ดูงดงามสูงศักดิ์เหมือนกับเอลฟ์ทั่วไป ความจริงแล้วพวกเอลฟ์ทั่วไปน่ะออกจะไม่ชอบยุ่งกับมนุษย์เท่าไหร่ ดังนั้น เราคงไม่ได้เจอพวกเขาง่าย ๆ หรอก
ไม่เหมือนกับเอลฟ์ป่าที่ใจดีกว่า พวกเขาเชี่ยวชาญด้านสมุนไพรอย่างมาก แล้วยังพูดภาษาสัตว์ได้ด้วย พวกเอลฟ์ป่านั้นจะคอยปกป้องดูแลธรรมชาติ ดูแลต้นไม้ ดูแลเหล่าสัตว์ และแมลงตัวน้อย ๆ พวกเขารักความยุติธรรมและรักษาคำพูดมาก ๆ ด้วย
อะไรเหรอ? คุณชี้อะไรน่ะ แมว? อ้อ นั่นไม่ใช่แมวธรรมดานะ แต่เป็น มาทาก็อต
มาทาก็อต (Matagot, Mandagot) ไม่มีที่มาที่ชัดเจน รู้แต่ว่าเป็นวิญญาณของสัตว์ที่พบได้ในแมว สุนัข หนู และจิ้งจอก
ทุกคนรู้กันว่ามาทาก็อตเป็นวิญญาณร้ายที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ว่ากันว่า ถ้าอยากร่ำรวยให้เลี้ยงมาทาก็อต
วิธีล่อง่าย ๆ เลยคือ เมื่อไหร่ที่เจอมัน ให้ใช้เนื้อสดดิบวางไว้ให้มัน จากนั้นหันหลังเดินกลับบ้านทันทีโดยห้ามหันกลับไปมองเป็นอันขาด ในวันรุ่งขึ้น คุณอาจได้พบแมว สุนัข หนู หรือจิ้งจอกมารออยู่หน้าบ้าน คุณก็แค่เลี้ยงดูมันด้วยการให้อาหารและน้ำจนมันอิ่มหนำทุกมื้อ มาทาก็อตจะตอบแทนคุณด้วยเหรียญทองคำบริสุทธิ์ในทุกเช้า
แต่จงระวังไว้ให้ดี เพราะเมื่อเลี้ยงมาทาก็อตแล้ว มันจะผูกติดกับวิญญาณของคุณไปชั่วนิรันดร์ หากคุณเสียชีวิตก่อนที่จะได้ปลดปล่อยมัน วิญญาณคุณจะล่องลอยไม่ได้ผุดได้เกิด จนกว่าจะมีใครมาปลดปล่อยมาทาก็อตให้เป็นอิสระ
นี่ ๆ นอกจากเอนทิตีกับสปิริตที่พวกผู้ใช้เวทมนตร์มักจะอัญเชิญมาเพื่อขอให้ช่วยเหลือแล้ว ยังมีเหล่าสัตว์ภูตที่ใกล้ชิดกับมนุษย์มาก ๆ สามารถพบเห็นได้ทั่วไป และยังติดต่อง่ายกว่าเอนทิตีด้วยนะ
เหล่าสัตว์ภูตมักจะปรากฏตัวเพื่อเป็นสัญญาณบอกถึงบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งเราต้องรู้ความหมายแฝงไว้ เพื่อตีความสัญญาณเหล่านั้น เช่น
กระต่าย ชาญฉลาดและปราดเปรียวว่องไว :
ยามเมื่อ กระต่ายกระโดด เขาว่าให้พิจารณาดี ๆ ก่อนจะเริ่มต้นสิ่งใด ยามกระต่ายน้อยถูกชะตาใคร เขาว่าผู้นั้นเป็นนักแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ ยามอยากให้เหตุการณ์ร้ายพลิกผัน เขาว่าให้เพรียกหาพลังของกระต่าย
ม้าน้ำ ปรับตัวตามสถานการณ์เก่งและไม่เคยตกเป็นเหยื่อ :
ยามเมื่อ ม้าน้ำแหวกว่าย คือนิมิตรหมายว่าคู่หูใหม่กำลังจะมา ยามอยู่ในสถานการณ์ไม่นำพา หากเห็นม้าน้ำแปลว่า ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และหากมีเครื่องรางม้าน้ำไว้คู่กาย เขาว่าสิ่งใดที่ปกปิดซ่อนเร้นไว้จะเปิดเผยได้ในบัดดล
ผีเสื้อ มีจิตวิญญาณนำทางและการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น :
ยามเมื่อ ผีเสื้อเริงระบำ ใต้ฟ้าใส เป็นสัญญาณว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังจะเกิด หากมีจิตวิญญาณผีเสื้อติดตัวมาแต่กำเนิด เขาว่าผู้นั้นคือตัวแทนที่วิญญาญบรรพชนได้เลือกสรร ยามต้องการผู้นำทางอันเฉิดฉัน ให้ระลึกถึงพลังแห่งผีเสื้อ
ม้า อิสรภาพและการข้ามผ่านอุปสรรคไปได้ด้วยดี :
ยามเมื่อ อาชาโผนทะยาน คือถึงกาลที่จะเป็นอิสระ หากมีม้าเป็นผู้ปกป้องรักษะ เขาคนนั้นจะกระโดดข้ามผ่านอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย และยามต้องการพลังทางสัญชาตญาณและทางกาย เขาว่าให้พกเครื่องรางม้าไว้ติดตัว
แมวดำ กล้าเสี่ยงและเชื่อมั่นในตัวของตัวเอง :
ยามเมื่อ แมวดำย่างผ่านมา เขาว่าวันนี้หนา เสน่ห์จะเปล่งประกายราวกับมีเวทมนตร์ ยามแมวดำเข้ามาคลอเคลียซุกซน นั่นเจ้าตัวน้อยกำลังบ่นว่า ลองเสี่ยงกับอะไรบางอย่างดูสักหน่อยซี! รับรองว่าดีและคุ้มค่าแน่! แต่หากเกิดไม่มั่นใจในตัวตน พลังแห่งแมวดำจะบอกว่า คุณนั้นมีค่าคู่ควร
ตอนนี้คุณก็ได้รู้จักเหล่าภูตพิสดารมากขึ้นแล้วสินะ ^^
วิธีตามหาภูตของตัวเอง
เพียงดาวโลกดวงเดียว ก็มีสิ่งมีชีวิตอยู่มากมายนับไม่ถ้วนแล้ว โดยส่วนตัวฉันเอง จึงไม่ค่อยเชื่อถือเกมทายปัญหาทั่วไปเพื่อหาผลลัพธ์ว่าภูตประจำตัวของเราคืออะไร
แต่วิธีที่ฉันชอบที่สุดคือ การสังเกตพลังงานและสัญญาณธรรมชาติรอบ ๆ กาย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกและในทุก ๆ ขณะนั้น มีเหตุผลที่เกิดขึ้นเสมอ
ไม่แน่ว่า หากคุณลองสังเกตให้มากพอ อาจพบสัญญาณบางอย่างที่ส่งมาจากภูตประจำตัวของคุณเองก็ได้
- เชื่อมต่อกับตัวตนภายในและสัญชาตญาณของตนเอง
หัวข้ออาณาจักรภูตและมิติมหัศจรรย์เป็นเรื่องเกี่ยวพันกับ ‘จิต’ 100% ฉะนั้น ช่องทางการสื่อสารที่สะดวกรวดเร็วที่สุดคือ การสื่อสารผ่านจิตของตัวเราเอง
หมั่นหาเวลาว่างมาทำสมาธิบ่อย ๆ เปิดคลื่นเสียงที่ช่วยให้ผ่อนคลายและชำระล้างความเครียดสะสมมาทั้งวัน เมื่อไหร่ที่เรามีสมาธินิ่งพอ เราจะเริ่มเชื่อมต่อกับโลกระดับจิตได้ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ จนเมื่อคุณได้สัมผัสกับคำว่า ‘ปิติ’ นั่นแปลว่าสมาธิของคุณได้พัฒนาขึ้นอีกขั้นแล้ว
เมื่อมีสมาธิ รักษาอารมณ์ให้เป็นกลาง หลังจากวันนี้เป็นต้นไป ก็ลองสังเกตความรู้สึกตนเองเวลามองธรรมชาติและสัตว์ต่าง ๆ ดูว่า สัญชาตญาณภายในของเราบอกว่าเราถูกชะตากับสัตว์หรือภูตชนิดใดเป็นพิเศษ
- สังเกตธรรมชาติรอบกาย
เวลาทำอะไร อยู่ที่ไหน ลองสังเกตธรรมชาติและสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวสักหน่อย เช่น นกพิราบที่กำลังบินผ่าน ก้อนเมฆปุกปุยดูเหมือนตัวอะไรอยู่นะตอนนี้ บนถนนเส้นนี้มีน้องแมวส้มเจ้าถิ่นกำลังเล่นกับคนแปลกหน้าอยู่ สังเกตทุกวันให้เป็นนิสัย แล้วคุณจะเริ่มเข้าใจพฤติกรรมบางอย่างที่แยกออกว่า นี่เกิดตามธรรมชาติ และนี่…คือลางบอกเหตุ
- ความฝันหรือนิมิต?
ก่อนนอนคืนนี้ลองทำสมาธิแล้วตั้งจิตอธิษฐานถึงคุณภูตประจำตัวดูสิ “ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรือขี้อายเกินไป ก็ช่วยมาปรากฏตัวในฝันฉันสักหน่อยนะ” ไม่แน่ว่า คุณภูตที่ดูแลคุณอยู่อาจมาปรากฏตัวในฝันก็ได้
แต่ต้องทำใจไว้ว่า ภูตทุกตัวตนนั้นมีนิสัยเป็นของตนเอง เขาอาจจะทำตามคำขอ หรืออาจจะปฏิเสธและล้อคุณเล่นก็ได้
- ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
หากลองสังเกตตัวเองเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่มั่นใจมากพอ ก็อาจจะลองหาสิ่งอื่นหรือบุคคลอื่นที่มีความเชี่ยวชาญด้านจิตวิญญาณ (Spiritual) มาช่วยยืนยันให้ก็ได้ว่าจริงไหม เช่น ลองเปิดไพ่ยิปซี หรือเสี่ยงทายเพื่อขอคำยืนยัน และขอคำปรึกษาจากนักพยาการณ์เฉพาะทางสายจิตวิญญาณ (Spiritual)
หากได้คำตอบแล้ว และอยากจะศึกษาด้านนี้เพิ่มขึ้นอีกเพื่อหาวิธีดูแล พูดคุยกับภูตของเรา ก็ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าศึกษา รวมทั้งรายละเอียดเบื้องลึกที่น่าสนใจ
เรื่องอาณาจักรภูตและมิติมหัศจรรย์เป็นอีกเรื่องที่ฉันสนุกกับการอ่าน ทำความเข้าใจ และเรียบเรียงมาก ๆ เลยค่ะ หวังว่าทุกคนที่ได้อ่านจะสนุกมาก ๆ เช่นกัน และได้แรงบันดาลใจในการศึกษาเรื่องของอาณาจักรภูตและมิติมหัศจรรย์ต่ออีกนะคะ
คราวนี้ ได้เวลาถอดแว่นวิเศษออกแล้วค่ะ…
สองตาคุณกลับมาเห็นโลกมนุษย์ในมิติเดิมอีกครั้ง นับแต่นี้เป็นต้นไป ต่อให้คุณมองเห็นแต่ท้องฟ้ากับแม่น้ำอันเวิ้งว้าง ท้องทุ่งหญ้าว่างเปล่า ก็จงจำไว้ว่า อย่าเชื่อสายตาของตัวเองนักเลย คุณก็แค่ไม่ได้สวมแว่นวิเศษแล้วก็เท่านั้น
*
ว้าวว~ เป็นอีกเรื่องที่ฉันใช้พลังเรียบเรียงขั้นสุดมากค่ะ คิดอยู่ตั้งนานว่าจะเล่าสิ่งที่หาข้อมูลมาอย่างไรดีให้ทุกคนเข้าใจเหมือนกัน แล้วสุดท้ายก็มาจบที่ การเล่าเรื่องแบบสามมิติไปเลย 55555
เพราะว่า ตอนที่ฉันคิดถึงเรื่องนี้ ก็รู้สึกได้ว่ารอบ ๆ ตัวฉันมีจิตวิญญาณของอะไรต่อมิอะไรรายล้อมเต็มไปหมด หากแต่พอฉันหันไปมอง ที่ตรงนั้นกลับมีแต่ความว่างเปล่า
ถ้ามองเห็นพวกเขาได้ ฉันจะตกใจไหมนะ เขาจะยิ้มให้ฉันไหมนะ หรือทั้งฉันและเขาในฝั่งนั้นจะเป็นเพื่อนกันได้นะ ฉันละอยากจะมีแว่นวิเศษที่มองเห็นพวกเขาได้จริง ๆ เลยค่ะ
แต่คิดอีกที… หรือมองไม่เห็นนี่ดีแล้วนะ เกิดไปเห็นอะไรที่ไม่ทันตั้งตัวเข้า คงเป็นลมตายก่อนแน่
มาลินทร์, แม่มดฝึกหัด
บรรณารักษ์
*
บรรณานุกรม
Instagram : aimar_dudung [สัมภาษณ์]
Lily A. The Familiars ตำราภูต สปิริต เอนทิตี. สำนักพิมพ์ Delphylia Lilith.
Lily A. Spirit Keepers. สำนักพิมพ์ Delphylia Lilith.
Spirit, Totem, & Power Animal Meanings. สืบค้นจาก : whatismyspiritanimal.com